Andrew Grove
Andrew Grove (แอนดรูว์ โกรฟ)
1936-2016
Andrew Grove เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสaหกรรมเทคโนโลยี ไม่เพียงแค่ในฐานะผู้นำของ Intel แต่ยังเป็นผู้ที่กำหนดมาตรฐานการจัดการสมัยใหม่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน Silicon Valley
ชีวประวัติและจุดเริ่มต้น
เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1936 ในบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในชื่อ András Gróf มาจากครอบครัวชาวยิวชั้นกลาง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Grove ต้องใช้ชื่อปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากนาซี
หลังจากสหภาพโซเวียตเข้ามาปราบปรามการปฏิวัติฮังการีในปี 1956 Grove หนีออกจากประเทศ โดยผ่านออสเตรีย แล้วเดินทางมาสหรัฐอเมริกาในวัย 20 ปี ด้วยเงินเพียงเล็กน้อยและแทบไม่รู้ภาษาอังกฤษ
การศึกษาและอาชีพในช่วงแรก
Grove ทำงานเป็นคนเสิร์ฟเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวขณะเรียนที่ City College of New York สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเคมีในปี 1960 จากนั้นศึกษาต่อที่ UC Berkeley และได้รับปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมเคมีในปี 1963
หลังสำเร็จการศึกษา Grove เริ่มทำงานที่ Fairchild Semiconductor เป็นนักวิจัย และในปี 1967 ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา
การก่อตั้ง Intel และการเป็นผู้นำ
ในปี 1968 Robert Noyce และ Gordon Moore ก่อตั้ง Intel หลังจากออกจาก Fairchild Semiconductor Grove เข้าร่วม Intel ตั้งแต่วันแรกของการจดทะเบียนบริษัทในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม แม้จะไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง แต่เป็นพนักงานคนที่สาม
ตำแหน่งสำคัญที่ Intel:
- President (1979–1997)
- CEO (1987–1998)
- Chairman (1997–2005)
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
Grove มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยน Intel จากบริษัทผลิต memory chips เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ชั้นนำของโลก
ในยุค 1980s เมื่อความต้องการ memory chips ของ Intel ลดลง Grove ตัดสินใจให้บริษัทเน้นการผลิตไมโครโปรเซสเซอร์แทน
ความสำเร็จสำคัญ:
- 8088 microchip (1978) ถูกเลือกใช้ใน IBM PC คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรก
- ภายในปี 1997 Intel ครองตลาด PC chip ถึง 85%
- ทำให้กฎของ Moore (การเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพทุก 18 เดือน) เป็นจริง
ปรัชญาการจัดการ
”Only the Paranoid Survive”
นี่คือคติประจำใจของ Grove ที่กลายเป็นชื่อหนังสือของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 1996 แนวคิดนี้เน้นความระมัดระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
Constructive Confrontation
Grove เชื่อในการสร้างวัฒนธรรม “การเผชิญหน้าเชิงสร้างสรรค์” ซึ่งพนักงานทุกระดับสามารถเสนอไอเดียได้ หากสามารถทนต่อการสอบสวนอย่างเข้มข้นได้
Management by Objectives (MBO)
Grove เป็นผู้นำแนวคิด Objectives and Key Results (OKR) ซึ่งต่อมาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายใน Silicon Valley
ผลงานด้านการเขียน
Grove เขียนเอกสารทางเทคนิคมากกว่า 40 ฉบับ มีสิทธิบัตรหลายรายการ และสอนหลักสูตรฟิสิกส์คอมพิวเตอร์ระดับบัณฑิตศึกษาที่ UC Berkeley และ Stanford School of Business
หนังสือสำคัญ:
- Physics and Technology of Semiconductor Devices - ตำราที่ใช้ในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง
- High Output Management (1983) - คู่มือการจัดการคลาสสิก
- One-on-One with Andy Grove (1987)
- Only the Paranoid Survive (1996) - เกี่ยวกับการรับมือกับจุดเปลี่ยนในธุรกิจ
การยอมรับและเกียรติยศ
Time’s Man of the Year (1997)
Time Magazine เลือก Grove เป็น “Man of the Year” ในปี 1997 ด้วยผลงานการขับเคลื่อนยุค digital age
อิทธิพลต่อ Silicon Valley
Grove ได้รับการยกย่องว่าเป็น “คนที่ขับเคลื่อนระยะเติบโตของ Silicon Valley” ผลจากงานที่ Intel ร่วมกับหนังสือและบทความวิชาการของเขา มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
มรดกและอิทธิพลในปัจจุบัน
Grove เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2016 ที่ Los Altos, California โดยทิ้งมรดกในฐานะหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการพัฒนาคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
ผลกระทบต่อการจัดการสมัยใหม่:
- OKR System ใช้ใน Google, Intel, และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
- One-on-One meetings เป็นมาตรฐานในการจัดการ
- Performance Management แนวทางการประเมินผลที่มุ่งเน้นผลลัพธ์
คำพูดที่น่าจดจำ
“Success breeds complacency. Complacency breeds failure. Only the paranoid survive.”
“A manager’s output = The output of his organization + The output of the neighboring organizations under his influence.”
อิทธิพลต่อผู้นำรุ่นใหม่
หลักการจัดการของ Grove ได้รับการยกย่องจากผู้นำเทคโนโลยีรุ่นใหม่:
- Mark Zuckerberg (Meta) ใช้หลักการ OKR และ high-leverage activities
- Evan Williams (Twitter) นำแนวคิด output-oriented management มาใช้
- Brian Chesky (Airbnb) ประยุกต์ใช้การประชุมแบบ one-on-one
Andrew Grove ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงโลกเทคโนโลยี แต่ยังสร้างกรอบการคิดด้านการจัดการที่ยั่งยืนและมีอิทธิพลต่อองค์กรทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน