การล่มสลายของชนชั้นกลาง

1 min read
การล่มสลายของชนชั้นกลาง

📓 The Vanishing Middle Class: การล่มสลายของชนชั้นกลาง

ผมขอโหนกระแสชนชั้นกลางอีกสักรอบ ด้วยการรีวิวหนังสือ

The Vanishing Middle Class” โดย Peter Temin สำนักพิมพ์ MIT Press ออกมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตีกลางแสกหน้าเลยว่า 95% ของคนทั่วไปคิดว่า “ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ” เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้ว มันเกิดจากโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้น!

ผู้เขียนเป็นศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์กิตติมศักดิ์จาก MIT ที่ใช้เวลา 20 ปีศึกษาเรื่อง “เศรษฐกิจคู่ขนาน” (Dual Economy) ในสหรัฐฯ จนค้นพบความจริงที่หลายคนแกล้งทำเป็นไม่เห็น

เขาไม่ได้แค่พูดทฤษฎี แต่เขาเอาข้อมูลจริงมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน จนได้ภาพชัดเจนว่า “ระบบเศรษฐกิจของอเมริกา” มันเป็นแบบสองชั้น

  • ชั้นบน: สำหรับคนรวย (Front Economy)

  • ชั้นล่าง: สำหรับคนจน (Back Economy)

ตรงตามชื่อหนังสือเลย “ชนชั้นกลางที่หายไป” เหมือนในซีรีส์ “The Hunger Games” ที่มี Capitol อยู่ชั้นบน ส่วน Districts อยู่ชั้นล่าง ลองนึกภาพตามนั้น (แต่ทำไมผมนึกถึง Max Max ทุกที ฉากปล่อยน้ำจากทาวเวอร์นี่มันติดตาาา)

สามหลักการที่เปลี่ยนความคิด 🔥

1. ระบบเศรษฐกิจคู่ขนาน 💡

“America has become a dual economy, with one set of rules for the affluent and another for everyone else.” ผู้เขียนอธิบายว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเกิดในครอบครัวที่มีบ้านหลังหนึ่งใน Beverly Hills คุณจะมีโอกาสเข้าโรงเรียนดีๆ ได้ง่ายกว่าเด็กที่อยู่ใน South Central ถึง 50 เท่า พร้อมแสดงข้อมูลที่ชัดเจนว่าทำไมคนจนจึงยากที่จะยกระดับฐานะขึ้นมา

2. บทบาทของอคติทางเชื้อชาติ

หลายคนเข้าใจผิดว่าตอนนี้อเมริกาเป็นสังคมที่เสมอภาคแล้ว แต่จริงๆ แล้ว “ระบบอคติ” ยังคงทำงานอยู่ในรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น ประโยคเด็ดจากหนังสือ: “Racism is not just about individual prejudice; it’s about institutional power that shapes economic outcomes.” แปลง่ายๆ อคติทางเชื้อชาติไม่ใช่แค่เรื่องของแต่ละคน แต่เป็นเรื่องของระบบสถาบันที่ควบคุมผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่างจากชีวิตจริง

  • การปฏิเสธให้สินเชื่อแก่คนผิวดำในบางพื้นที่ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1930 ยังคงส่งผลถึงทุกวันนี้

  • ความแตกต่างของการจัดสรรงบประมาณการศึกษาที่ทำให้โรงเรียนในละแวกคนจนได้ทรัพยากรน้อยกว่า 10 เท่า

3. อคติและความสามารถในการควบคุม Prejudice and Power 🚀

อธิบายว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงจึงยาก แม้แต่คนผิวขาวที่มีฐานะต่ำ ก็ยังถูกใช้ประโยชน์โดยชนชั้นสูงผิวขาว ผ่านการเล่นอคติทางเชื้อชาติเพื่อรักษาระบบเดิมไว้ มองใกล้ๆนี่แหละ ลองนึกภาพว่าในเมืองไทย ถ้าคนสองกลุ่มหรือหลายกลุ่ม ถูกทำให้เกลียดกัน แล้วคนที่ได้ประโยชน์จากการที่ระบบยังเป็นอย่างเดิม แค่นั่งอยู่เฉยๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

คำตอบคือ ระบบเดิมจะยังคงอยู่ และไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แล้วเราจะเอาตัวรอดกันได้ยังไง ???

การดิ้นรนภายใต้ระบบ 3 ขั้นตอน 📋

ขั้นตอนที่ 1: หาก่อนตอนนี้ คุณอยู่ใน “ระบบ” ไหน • ดูรายได้ของครอบครัวคุณเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่าย • ตรวจสอบโอกาสทางการศึกษาที่คุณได้รับ • สังเกตว่าคุณมี “การ์ดผ่านทางเศรษฐกิจ” (aka - มีบัตรเบ่ง เส้นสาย หรือไม่ (เช่น พ่อแม่เป็นเจ้านาย หรือมีเครือข่ายคอนเนคชั่นที่ดี)

ขั้นตอนที่ 2: เข้าใจว่า “อุปสรรค” ที่คุณเผชิญคืออะไร • ระบบการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม • การเข้าถึงเงินทุนที่จำกัด • ความเชื่อที่ถูกฝังในใจว่า “เราไม่ดีพอ”

ขั้นตอนที่ 3: วางแผน “การหลุดพ้น” • สร้างเครือข่ายที่หลากหลาย • ลงทุนในทักษะที่ตลาดต้องการ • เข้าใจระบบเพื่อหาช่องทางในการ hack the system

สรุป

  1. เศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบมา
  2. ความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เพราะคนจนขี้เกียจ แต่เพราะคนรวยสร้างระบบให้ตัวเองได้ประโยชน์
  3. การเปลี่ยนแปลงเริ่มจากการเข้าใจว่าคุณอยู่ในระบบที่ไหน

เริ่มจากเอาตัวให้รอดก่อนนะครับ ระบบมันแก้ไม่ง่ายหรอกนะ 🥹😂