Martin Seligman
Martin Elias Peter Seligman (มาร์ติน เซลิกแมน)
เกิด 12 สิงหาคม 1942
Martin Seligman เป็นนักจิตวิทยาที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งจิตวิทยาเชิงบวก” (Father of Positive Psychology) และเป็นผู้ปฏิวัติวงการจิตวิทยาด้วยการเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่ปัญหาและความเจ็บป่วยทางจิต มาสู่การศึกษาว่าทำอย่างไรให้ชีวิตมีความหมายและความสุข
ชีวประวัติและจุดเริ่มต้น
วัยเด็กและการศึกษา
เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1942 ที่ Albany, New York Seligman แสดงความสนใจในปรัชญาและจิตวิทยาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาปรัชญาจาก Princeton University ในปี 1964 ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (summa cum laude)
การศึกษาระดับสูง
ได้รับปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania ในปี 1967 ซึ่งต่อมาเขาจะกลับมาเป็นอาจารย์และทำงานวิจัยที่นั่นตลอดอาชีพ
อาชีพและตำแหน่งสำคัญ
University of Pennsylvania
ปัจจุบัน Seligman ดำรงตำแหน่ง:
- ผู้อำนวยการ Penn Positive Psychology Center
- Zellerbach Family Professor of Psychology ในภาควิชาจิตวิทยา
- ผู้อำนวยการโปรแกรม Master of Applied Positive Psychology (MAPP)
- เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโปรแกรมฝึกอบรมทางคลินิกเป็นเวลา 14 ปี
American Psychological Association (APA)
ในปี 1998 Seligman ได้รับเลือกให้เป็นประธาน American Psychological Association หนึ่งในโครงการริเริ่มสำคัญของเขาในฐานะประธานคือการส่งเสริมจิตวิทยาเชิงบวกให้เป็นสาขาการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
งานวิจัยที่ก่อตั้งชื่อเสียง
Learned Helplessness (การเรียนรู้ความไร้อำนาจ)
การวิจัยพื้นฐานของ Seligman เรื่อง “Learned Helplessness” เริ่มต้นที่ University of Pennsylvania ในปี 1967 เป็นการขยายความสนใจของเขาเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า
การทดลองที่มีชื่อเสียง
การทดลองกับสุนัขที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อสัตว์เรียนรู้ว่าตนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พวกมันจะยอมแพ้และไม่พยายามหลบหนีแม้ในสถานการณ์ที่สามารถหลบหนีได้
ผลกระทบต่อการทำความเข้าใจภาวะซึมเศร้า
การวิจัยนี้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าในมนุษย์ และเป็นรากฐานสำหรับการรักษาด้วย Cognitive Behavioral Therapy (CBT)
การเปลี่ยนไปสู่จิตวิทยาเชิงบวก
จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980s Seligman เริ่มสังเกตว่าการศึกษาจิตวิทยามุ่งเน้นไปที่ความเจ็บป่วยและปัญหาเป็นหลัก เขาตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางการวิจัยมาสู่การศึกษาว่าอะไรทำให้ชีวิตมีคุณค่าและความสุข
การก่อตั้งจิตวิทยาเชิงบวก
Seligman กำหนดจิตวิทยาเชิงบวกว่าเป็น “การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการทำงานของมนุษย์ในแง่บวก” โดยมุ่งเน้นสามเสาหลัก:
- อารมณ์เชิงบวก (Positive Emotions)
- จุดแข็งของตัวตน (Individual Strengths)
- สถาบันเชิงบวก (Positive Institutions)
ทฤษฎีและแนวคิดสำคัญ
PERMA Model
Seligman พัฒนาแบบจำลอง PERMA เพื่ออธิบายองค์ประกอบของความเป็นอยู่ที่ดี:
P - Positive Emotions (อารมณ์เชิงบวก)
- ความสุข ความพึงพอใจ ความสงบ
- ความหวัง ความภาคภูมิใจ ความรัก
E - Engagement (การมีส่วนร่วม)
- Flow state - สภาวะของการมุ่งมั่นอย่างสมบูรณ์
- การใช้จุดแข็งของตัวเอง
- การทำกิจกรรมที่ท้าทายแต่สอดคล้องกับความสามารถ
R - Relationships (ความสัมพันธ์)
- การเชื่อมต่อทางสังคม
- ความรัก มิตรภาพ ความผูกพัน
- การสนับสนุนและได้รับการสนับสนุน
M - Meaning (ความหมาย)
- จุดประสงค์ในชีวิต
- การรับใช้สิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีความหมาย
A - Achievement/Accomplishment (ความสำเร็จ)
- การบรรลุเป้าหมาย
- ความภาคภูมิใจในผลงาน
- การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
Three Paths to Happiness (สามเส้นทางสู่ความสุข)
1. The Pleasant Life (ชีวิตที่สุขสบาย)
- การสร้างอารมณ์เชิงบวกให้มากที่สุด
- การเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ดี
- การ savoring ช่วงเวลาที่มีความสุข
2. The Good Life (ชีวิตที่ดี)
- การใช้จุดแข็งส่วนตัวในกิจกรรมหลัก
- การบรรลุสภาวะ flow
- การทำงานที่ตรงกับความสามารถและความชื่นชอบ
3. The Meaningful Life (ชีวิตที่มีความหมาย)
- การใช้จุดแข็งเพื่อรับใช้สิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง
- การมีส่วนร่วมในองค์กรหรือกิจกรรมที่มีความหมาย
- การสร้างมรดกที่ยั่งยืน
ผลงานด้านการเขียน
หนังสือสำคัญ
Seligman เขียนหนังสือประมาณ 30 เล่มและบทความมากกว่า 350 บทความเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แห่งการใช้ชีวิตที่คุ้มค่า:
- “Learned Optimism” (1990) - หนังสือก่อตั้งที่แสดงว่าการมองโลกในแง่ดีเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้
- “The Optimistic Child” (1995) - การสอนเด็กให้มีการมองโลกในแง่ดี
- “Authentic Happiness” (2002) - บทนำสู่จิตวิทยาเชิงบวก
- “Flourish” (2011) - ทฤษฎี PERMA และการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี
- “The Hope Circuit” (2018) - อัตชีวประวัติและการเดินทางสู่จิตวิทยาเชิงบวก
ผลงานทางวิชาการ
- บทความวิจัยมากกว่า 350 บทความ
- หนังสือเรียนและคู่มือการรักษา
- การพัฒนาเครื่องมือประเมินทางจิตวิทยา
โปรแกรมการศึกษาและการประยุกต์ใช้
Master of Applied Positive Psychology (MAPP)
โปรแกรม MAPP ที่ University of Pennsylvania ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 เป็นโครงการริเริ่มทางการศึกษาแรกของ Positive Psychology Center
การประยุกต์ใช้ในสถานศึกษา
- โปรแกรมป้องกันภาวะซึมเศร้าในเด็ก
- การสอนทักษะชีวิตเชิงบวก
- การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นจุดแข็ง
การประยุกต์ใช้ในที่ทำงาน
- การพัฒนาผู้นำแบบเชิงบวก
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความสุข
- การเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในงาน
การประยุกต์ใช้ในการรักษา
- การรักษาภาวะซึมเศร้าด้วยวิธีเชิงบวก
- การเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางจิต
- การพัฒนาโปรแกรมป้องกันปัญหาสุขภาพจิต
การวิจัยและการค้นพบสำคัญ
Explanatory Style (รูปแบบการอธิบาย)
การค้นพบว่าวิธีที่เราอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรามีผลต่อ:
- สุขภาพจิต
- ความสำเร็จในงาน
- สุขภาพกาย
- ความสัมพันธ์
Character Strengths and Virtues
การพัฒนาระบบจำแนกจุดแข็งของตัวตนและคุณธรรม 24 ข้อ ภายใต้ 6 หมวดคุณธรรมหลัก:
- Wisdom and Knowledge (ปัญญาและความรู้)
- Courage (ความกล้าหาญ)
- Humanity (ความเป็นมนุษย์)
- Justice (ความยุติธรรม)
- Temperance (ความพอประมาณ)
- Transcendence (การก้าวล้ำ)
Research on Well-being
การวิจัยที่แสดงว่าความเป็นอยู่ที่ดีสามารถ:
- วัดได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
- สอนได้
- เพิ่มขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน
อิทธิพลและมรดกทางวิชาการ
การปฏิวัติสาขาจิตวิทยา
- เปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่ปัญหาเป็นการมุ่งเน้นที่ศักยภาพ
- สร้างสาขาใหม่ที่มีการวิจัยและประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง
- ส่งเสริมการวิจัยเชิงบวกในมหาวิทยาลัยทั่วโลก
การประยุกต์ใช้ในสังคม
- โปรแกรมในโรงเรียนทั่วโลก
- การพัฒนาองค์กรและภาวะผู้นำ
- นิยกโยบายสาธารณสุขด้านสุขภาพจิต
การสร้างกระแสทั่วโลก
- การจัดงาน World Congress on Positive Psychology
- การพัฒนาเครือข่ายนักวิจัยทั่วโลก
- การแปลและประยุกต์ใช้ในวัฒนธรรมต่างๆ
รางวัลและเกียรติยศ
การยอมรับทางวิชาการ
- ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของ American Academy of Arts and Sciences
- รับรางวัลจากองค์กรจิตวิทยาระดับนานาชาติหลายแห่ง
- ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง
การส่งผลกระทบต่อสังคม
- การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเกี่ยวกับสุขภาพจิต
- การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระดับสังคม
- การสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานเพื่อความสุขของมนุษยชาติ
แนวคิดสำคัญและคำสอน
เกี่ยวกับความสุข
“ความสุขที่แท้จริงมาจากการระบุและใช้จุดแข็งส่วนตัวของคุณในการรับใช้สิ่งที่ใหญ่กว่าตัวคุณเอง”
เกี่ยวกับการมองโลกในแง่ดี
“การมองโลกในแง่ดีเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ และมันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้”
เกี่ยวกับจุดแข็ง
“ชีวิตที่ดีไม่ได้มาจากการแก้ไขจุดอ่อน แต่มาจากการพัฒนาจุดแข็งของเรา”
เกี่ยวกับความหมาย
“ความหมายในชีวิตมาจากการรับใช้สิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเราเอง”
วิสัยทัศน์และอนาคต
เป้าหมายของจิตวิทยาเชิงบวก
Seligman มีวิสัยทัศน์ที่จะ:
- ทำให้ 51% ของประชากรโลกมีความสุขภายในปี 2051
- สร้างการวัดความเป็นอยู่ที่ดีในระดับประเทศ
- พัฒนาการแทรกแซงที่มีประสิทธิภาพสำหรับความสุข
การวิจัยในอนาคต
- การศึกษาประสาทวิทยาของความสุข
- การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
- การบูรณาการจิตวิทยาเชิงบวกกับสาขาอื่นๆ
บทเรียนจากชีวิตและผลงาน
การเปลี่ยนแปลงทิศทาง
Seligman แสดงให้เห็นว่านักวิทยาศาสตร์สามารถเปลี่ยนทิศทางการวิจัยได้เมื่อเห็นความต้องการใหม่ของสังคม
การสร้างกระแส
เขาแสดงให้เห็นว่าแนวคิดใหม่สามารถเปลี่ยนแปลงสาขาทั้งหมดได้หากมีหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง
การประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ
Seligman เน้นความสำคัญของการนำงานวิจัยไปสู่การประยุกต์ใช้จริงเพื่อปรับปรุงชีวิตของผู้คน
การสร้างมรดก
เขาสร้างมรดกที่จะส่งผลกระทบต่อการศึกษา การรักษา และการพัฒนาบุคคลไปอีกหลายรุ่น
Martin Seligman ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงสาขาจิตวิทยา แต่เปลี่ยนแปลงวิธีที่เราคิดเกี่ยวกับความสุข ความสำเร็จ และการใช้ชีวิตที่มีความหมาย เขาแสดงให้เห็นว่าความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีไม่ใช่เพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ ฝึกฝน และสร้างขึ้นได้อย่างเป็นระบบ