Geoffrey Moore

Geoffrey Moore (เจฟฟรีย์ มัวร์)

เกิด 1946

Geoffrey Moore เป็นนักทฤษฎีองค์การ ที่ปรึกษาด้านการจัดการ และนักเขียนชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงาน “Crossing the Chasm: Marketing and Selling High-Tech Products to Mainstream Customers” เขาได้ปฏิวัติวิธีคิดเกี่ยวกับการตลาดเทคโนโลยีและการนำนวัตกรรมสู่ตลาดกระแสหลัก

ชีวประวัติและการศึกษา

พื้นฐานการศึกษา

Geoffrey Moore เกิดในปี 1946 และได้รับการศึกษาที่หลากหลาย:

  • ปริญญาตรี: วรรณคดีอเมริกันจาก Stanford University (1967)
  • ปริญญาเอก: วรรณคดีอังกฤษจาก University of Washington (1974)

การเปลี่ยนผ่านอาชีพ

Moore เริ่มต้นชีวิตอาชีพเป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาอังกฤษที่ Olivet College ในรัฐ Michigan ก่อนที่จะย้ายครอบครัวมาแคลิฟอร์เนียและเปลี่ยนเส้นทางอาชีพเป็น corporate trainer และ executive assistant ที่บริษัทเทคโนโลยี

การพัฒนาสู่การตลาดเทคโนโลยี

ตลอดเวลา Moore ได้เปลี่ยนผ่านจากการขายไปสู่การตลาด และในที่สุดก็พบความถนัดในการให้คำปรึกษาด้านการตลาด โดยทำงานแรกที่ Regis McKenna Inc แล้วจึงช่วยก่อตั้งบริษัท 3 แห่ง: The Chasm Group, Chasm Institute และ TCG Advisors

ประสบการณ์ทางวิชาชีพ

ก่อน McKenna Group

ก่อนเข้าทำงานกับ McKenna Group Moore เป็นผู้บริหารด้านขายและการตลาดที่:

  • Rand Information Systems
  • Enhansys
  • Mitem

การก่อตั้งบริษัทปรึกษา

Moore ได้ช่วยก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา 3 แห่ง:

The Chasm Group

บริษัทที่ปรึกษาหลักที่เกิดจากความสำเร็จของหนังสือ Crossing the Chasm มุ่งเน้นช่วยบริษัทเทคโนโลยีในการนำนวัตกรรมสู่ตลาดกระแสหลัก

Chasm Institute

สถาบันที่มุ่งเน้นการวิจัยและการศึกษาด้านการตลาดเทคโนโลยี

TCG Advisors

บริษัทที่ปรึกษาที่ให้บริการแก่บริษัทระดับเอ็นเทอร์ไพรส์

ตำแหน่งปัจจุบัน

ปัจจุบัน Geoffrey Moore:

  • หัวหน้าบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง: Geoffrey Moore Consulting
  • Venture Partner: Mohr Davidow Ventures และ Wildcat Venture Partners
  • Managing Director: Geoffrey Moore Consulting
  • Chairman Emeritus: The Chasm Group, Chasm Institute และ TCG Advisors ทั้งสามแห่ง

ผลงานที่สำคัญและหนังสือ

Crossing the Chasm (1991)

หนังสือเล่มแรกและที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Moore:

  • ยอดขาย: มากกว่า 1 ล้านเล่ม
  • การยอมรับ: ได้รับการยกย่องจาก Inc. magazine ว่าเป็นหนึ่งในหนังสือการตลาดยอดเยี่ยม 10 อันดับตลอดกาล
  • อิทธิพล: ถือเป็น “คัมภีร์” สำหรับการตลาดเทคโนโลยี
  • การปรับปรุง: ได้รับการปรับปรุงในปี 1999 และ 2014

ผลกระทบ: หนังสือ Crossing the Chasm ได้รับการยกย่องว่าเป็น “playbook สำหรับการนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ล้ำสมัยสู่ตลาดกระแสหลัก”

หนังสือเล่มอื่นๆ

Moore ได้เขียนหนังสือที่มีอิทธิพลหลายเล่ม:

Inside the Tornado (1995)

มุ่งเน้นไปที่ตลาดที่เติบโตแบบ hypergrowth และกลยุทธ์การจัดการในช่วงการเติบโตอย่างรวดเร็ว

The Gorilla Game (1998)

หนังสือที่เขียนร่วมกับผู้อื่นเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าบริษัทและกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี

Escape Velocity (2011)

มุ่งเน้นกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับบริษัทที่มีอยู่แล้วในการรับมือกับนวัตกรรมที่ทำลายล้าง

Zone to Win

หนังสือล่าสุดที่จัดการกับความท้าทายที่บริษัทขนาดใหญ่เผชิญเมื่อต้องรับมือกับนวัตกรรมที่ทำลายล้าง

ความเชี่ยวชาญและบริการที่ปรึกษา

ขอบเขตการให้คำปรึกษา

Geoffrey Moore เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาเป็นเวลากว่า 35 ปี โดยให้คำปรึกษาแก่:

บริษัทสตาร์ทอัพ

ในพอร์ตของ Wildcat Venture Partners ช่วยในด้าน:

  • การกำหนดกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด
  • การระบุและโจมตี beachhead markets
  • การพัฒนา whole product strategy

บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

ให้คำปรึกษาแก่บริษัทชั้นนำ เช่น:

  • Salesforce: กลยุทธ์ cloud computing
  • Microsoft: การเปลี่ยนผ่านสู่ cloud และ subscription model
  • Autodesk: การปรับธุรกิจในยุคดิจิทัล
  • F5Networks: กลยุทธ์ network security
  • Gainsight: customer success strategy
  • Google: product strategy และ market development
  • Splunk: big data และ analytics strategy

ความเชี่ยวชาญพิเศษ

Moore มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้าน:

  • Market Dynamics: การทำความเข้าใจพลวัตของตลาดและการแข่งขัน
  • Disruptive Innovation: การจัดการและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ทำลายล้าง
  • Technology Adoption: กระบวนการและกลยุทธ์การยอมรับเทคโนโลยี
  • Go-to-Market Strategy: การวางแผนการเข้าสู่ตลาดที่มีประสิทธิภาพ

แนวคิดและทฤษฎีที่สำคัญ

Technology Adoption Lifecycle

การปรับปรุงทฤษฎี “Diffusion of Innovations” ของ Everett Rogers โดยเพิ่ม:

  • การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • การระบุ “chasm” ระหว่าง early adopters และ early majority
  • กลยุทธ์เฉพาะสำหรับแต่ละกลุ่ม

Whole Product Concept

แนวคิดที่ว่าความสำเร็จในตลาดกระแสหลักต้องอาศัย:

  • Core Product: ผลิตภัณฑ์หลัก
  • Expected Product: สิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง
  • Augmented Product: การบริการเสริม
  • Potential Product: ศักยภาพในอนาคต

Beachhead Strategy

กลยุทธ์การเริ่มต้นจากตลาดเฉพาะเจาะจงเล็กๆ แล้วค่อยขยายออกไป:

  • เลือกตลาด niche ที่สามารถครองได้
  • สร้างความเป็นผู้นำในตลาดนั้น
  • ใช้เป็นฐานในการขยายไปยังตลาดอื่น

Bowling Pin Strategy

การขยายจากตลาดหนึ่งไปยังอีกตลาดหนึ่งอย่างเป็นขั้นตอน เหมือนการล้มพินโบว์ลิ่ง

ผลกระทบและการยอมรับ

การยอมรับจากอุตสาหกรรม

ผลงานของ Moore ได้รับการยกย่องจากผู้นำด้านเทคโนโลยี:

Mark Benioff (Salesforce): เรียกเขาว่า “หนึ่งในนักกลยุทธ์ธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก”

Stanford Technology Ventures Program: ยังคงเรียก Crossing the Chasm ว่าเป็น “คัมภีร์สำหรับการตลาดผู้ประกอบการ” แม้จะผ่านมา 15 ปีแล้ว

ความสำเร็จทางการขาย

  • Crossing the Chasm ขายได้มากกว่า 300,000 เล่มภายใน 10 ปี
  • ผู้เขียนและสำนักพิมพ์คาดการณ์ว่าจะขายได้ประมาณ 5,000 เล่ม
  • หนังสือกลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

อิทธิพลต่อการศึกษา

หนังสือของ Moore ถูกใช้เป็นตำราในหลักสูตร:

  • MBA programs ทั่วโลก
  • Entrepreneurship courses
  • Technology marketing programs
  • Venture capital และ private equity training

การปรับใช้ในยุคปัจจุบัน

ความเกี่ยวข้องในยุคดิจิทัล

แนวคิดของ Moore ยังคงมีความเกี่ยวข้องในยุคปัจจุบัน:

  • SaaS และ Cloud Computing: การนำ software มาใช้ผ่าน cloud
  • AI และ Machine Learning: การยอมรับเทคโนโลยี AI ในองค์กร
  • IoT และ Industry 4.0: การเชื่อมต่ออุปกรณ์และระบบ
  • Fintech: การปฏิวัติบริการทางการเงิน

การปรับปรุงทฤษฎี

Moore ได้ปรับปรุงและพัฒนาทฤษฎีของเขาให้ทันสมัย:

  • ความเร็วของการยอมรับที่เพิ่มขึ้น
  • บทบาทของโซเชียลมีเดียและ online communities
  • Global markets และการขยายตัวทั่วโลก
  • Platform economy และ ecosystem thinking

การสอนและการถ่ายทอดความรู้

การเป็นนักพูด

Moore เป็นนักพูดที่เป็นที่ต้องการในงาน:

  • Technology conferences
  • Business schools และ universities
  • Corporate training programs
  • Venture capital events

การให้คำปรึกษาแบบ Hands-on

เขาไม่เพียงแค่ให้ทฤษฎี แต่ยังช่วยบริษัทนำไปปฏิบัติ:

  • Workshop การกำหนดกลยุทธ์
  • Market assessment และ competitive analysis
  • Go-to-market planning
  • Organization development

มรดกและอิทธิพลต่ออนาคต

การปฏิวัติการตลาดเทคโนโลยี

Moore ได้เปลี่ยนแปลงวิธีคิดเกี่ยวกับการตลาดเทคโนโลยี:

  • จากการพุ่งเป้าไปที่ทุกคน เป็น การมุ่งเน้นตลาดเฉพาะ
  • จากการขาย features เป็น การแก้ปัญหาลูกค้า
  • จากการตลาดแบบกว้าง เป็น การสร้าง reference customers

การสร้างศัพท์และแนวคิดใหม่

คำศัพท์และแนวคิดที่ Moore สร้างขึ้นกลายเป็นภาษาปกติในอุตสาหกรรม:

  • “Crossing the chasm”
  • “Beachhead market”
  • “Whole product”
  • “Technology adoption lifecycle”
  • “Bowling pin strategy”

อิทธิพลต่อ Venture Capital

หลักการของ Moore มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนของ VC:

  • การประเมิน market opportunity
  • การวิเคราะห์ competitive position
  • การพัฒนา go-to-market strategy
  • การวางแผน scaling และ expansion

วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต

ความท้าทายใหม่

Moore มองเห็นความท้าทายใหม่ๆ สำหรับเทคโนโลยี:

  • AI Ethics: การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม
  • Privacy: การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
  • Sustainability: เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • Digital Divide: การลดช่องว่างทางดิจิทัล

การพัฒนาทฤษฎีต่อไป

เขากำลังทำงานในประเด็น:

  • Platform strategies และ ecosystem thinking
  • การจัดการกับ disruptive innovation ในบริษัทขนาดใหญ่
  • การใช้ data และ AI ในการตัดสินใจทางกลยุทธ์
  • Global scaling และ localization strategies

บทเรียนจากความสำเร็จ

การเปลี่ยนอาชีพ

การเปลี่ยนจาก English professor สู่ technology marketing guru แสดงให้เห็นว่า:

  • ทักษะการเขียนและการสื่อสาร มีค่ามากในทุกสาขา
  • ความอยากรู้และการเรียนรู้ สำคัญกว่าพื้นฐานเดิม
  • การแก้ปัญหาที่แท้จริง สร้างคุณค่าและโอกาส

การสร้างแนวคิดใหม่

Moore แสดงให้เห็นว่าการสร้างทฤษฎีใหม่ต้อง:

  • ตั้งอยู่บนความจริงในทางปฏิบัติ: ไม่ใช่แค่ทฤษฎีบนกระดาษ
  • แก้ปัญหาที่เฉพาะเจาะจง: มีความเกี่ยวข้องกับความต้องการจริง
  • ใช้ได้จริงและทดสอบได้: สามารถนำไปปฏิบัติและวัดผลได้

การสร้างมรดกที่ยั่งยืน

งานของ Moore มีอิทธิพลยาวนานเพราะ:

  • สอนหลักการ ไม่ใช่แค่เทคนิค: หลักการพื้นฐานใช้ได้ยาวนาน
  • สร้างกรอบการคิด: ช่วยคนอื่นคิดและตัดสินใจ
  • ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ทำให้ความรู้ทันสมัยเสมอ

Geoffrey Moore เป็นตัวอย่างของผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอาชีพและสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด ผลงานของเขาไม่เพียงช่วยบริษัทเทคโนโลยีนับพันแห่งในการนำนวัตกรรมสู่ความสำเร็จ แต่ยังสร้างกรอบการคิดที่ใช้ได้กับการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมในทุกอุตสาหกรรม เขาแสดงให้เห็นว่าการรวมความรู้ทางวิชาการกับประสบการณ์ในทางปฏิบัติสามารถสร้างคุณค่าและมรดกที่ยั่งยืนได้

บุคคลที่เกี่ยวข้อง

ค้นพบบุคคลอื่นๆ ที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจ

แสดงบุคคล 1- 6 จากทั้งหมด 107 คน (หน้า 1 จาก 18)