การดื้อแพ่งเชิงระบบ
Image Credit: GPT
อ่านที่คุณมาร์ค Isriya Paireepairit คอมเมนต์ไว้ในโพสต์ของตัวเอง คิดว่า
“มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจคนไทยจำนวนมาก ที่ไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมุ่งเข้าสู่ failed state ในทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นจีนเทา ไทยเทา ปลาหมอคางดำ ประกันสังคม ตึกถล่ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คนขับรถไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร GDP รั้งอันดับบ๊วยของภูมิภาค ฯลฯ หยิบจับตรงไหนก็เจอปัญหาซ่อนอยู่ใต้พรม พร้อมกับคำตอบแถๆ ของหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า “เราทำตามระเบียบถูกต้องทุกอย่างแล้ว”
เลยอยากช่วยขยายความ คำตอบแถๆ ของหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า “เราทำตามระเบียบถูกต้องทุกอย่างแล้ว” นั้นคือส่วนหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่ชื่อ “การดื้อแพ่งเชิงระบบ” ที่คนชอบเรียกกันติดปากว่า “ระบบราชการ” ซึ่งไม่ได้หมายถึงเป็นแบบนี้ทั้งระบบ แต่ที่คนเอือมระอากันคือเรื่องการดื้อแพ่งนี้
✊ “การดื้อแพ่งเชิงระบบ” คืออะไร
การดื้อแพ่งเชิงระบบ ไม่ใช่คนต่อต้านกฎหมาย แต่คือ ระบบ ที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อ “ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง” การแก้ไขจึงต้องยกเครื่องแรงจูงใจและโครงสร้างอำนาจ ไม่ใช่แค่เพิ่มกฎใหม่เข้าไปในกองเอกสารเดิม
การดื้อแพ่งเชิงระบบ คือ การปฏิบัติตามกฎและขั้นตอนอย่าง “เคร่งครัดในพิธีกรรม” แต่ไม่ยึดเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเชิงคุณภาพของกฎนั้น ผลลัพธ์คือกฎระเบียบถูกใช้เป็นเกราะกำบังให้สถานะเดิมคงอยู่ ไม่ใช่เครื่องมือยกระดับคุณภาพบริการสาธารณะ ที่นักวิชาการต่างประเทศเรียกอาการนี้ว่า Regulatory Ritualism
✊สังเกตง่ายๆจากอะไรได้บ้าง
📝 ทำครบหมดแบบติ๊กช่อง แต่อย่าแตะผลลัพธ์จริง ผ่านตรวจ-TOR แต่โครงการยังล่าช้า-คุณภาพต่ำ
📝 กฎซ้อนกฎ มีกฎแม่-กฎลูก-ประกาศย่อย ซ้ำซ้อนและขัดกันเอง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เลือกตีความข้อที่ “ปลอดภัยสุด” มักจะจบที่ “ทำเหมือนเดิม” เพราะเวียนหัวกลัวพลาด เป็นการปิดช่องให้มีการพัฒนา
📝 ข้อมูลไม่เชื่อมกัน – ระบบสารสนเทศกระทรวง-กรมแยกส่วน ตรวจย้อนรอยยาก
😒 แรงจูงใจเชิงลบ – ระบบลงโทษคน “กล้าตัดสินใจ” มากกว่าคน “ไม่ทำอะไรผิดระเบียบ” - กลัวถูกสอบ มากกว่ากลัวงานออกมาไม่ดี ยอมสั่งซื้อของต่ำกว่าสเป็กจริงเพื่อให้ถูกกว่า “ราคากลาง” แต่ไม่กลัวที่จะได้งานที่ไม่มีคุณภาพ
😕โครงสร้างอุปถัมภ์ – การเลื่อนตำแหน่ง-งบประมาณพิเศษผูกกับความสัมพันธ์ ไม่ใช่ผลงานจริง ผู้ไม่มีเส้นทางลัดถูกปฏิเสธ/ต้องจ่าย “ค่าช่วยดำเนินการ”
🗃 ภาระงานเอกสาร – เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ “สร้างหลักฐาน” มากกว่าลงมือทำงานจริง
🎇 ผลกระทบระดับประเทศ
📍 นโยบายค้างท่อ – เวลาจากอนุมัติงบถึงเริ่มงานใช้เวลานาน ต้นทุนแฝงสูง – ภาคเอกชนบวกราคา “ค่าดำเนินการ” เข้าไปในใบเสนอราคา
📍 ความไว้วางใจถดถอย – ประชาชนมองรัฐว่า “พูดได้แต่ทำไม่ได้” จนเกิดวิกฤตศรัทธาสาธารณะ
📍 สมรรถนะการแข่งขันลดลง – นักลงทุนต่างชาติเปรียบเทียบเวลาขอใบอนุญาตกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วย้ายฐานผลิต
ผู้บริหารที่อยากเปลี่ยนแปลงมักจะมีวาระ 4 ปี พอเจอภาวะนี้หลายคนก็มักจะท้อไปเองโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
นี่คือโฉมหน้าของอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ฝันไม่เป็นจริง ถ้าแก้ไขตรงนี้ไม่ได้ก็จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้ครับ ที่บอกมานี้คือมีทางแก้นะ แต่ต้องตั้งใจทำกันจริงๆ 😎