The Power of One More

โดย: Ed Mylett

The Power of One More: พลังของการทำเพิ่มอีกหนึ่งสิ่ง

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Ed Mylett นักธุรกิจและ Podcaster ชื้นนำ นำเสนอปรัชญาการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง คือการทำ “อีกหนึ่งสิ่ง” เมื่อคนอื่นหยุด เพื่อสร้างความแตกต่างและความสำเร็จในชีวิต

หนังสือเล่มนี้คืออะไร

“The Power of One More” เป็นหนังสือที่รวบรวมประสบการณ์และปรัชญาของ Ed Mylett ในการสร้างความสำเร็จ โดยเน้นที่แนวคิดหลักว่าความสำเร็จมาจากการทำสิ่งเล็กๆ เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ

Ed แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับคนพิเศษอยู่ที่การยินดีทำ “อีกหนึ่งสิ่ง” เมื่อคนอื่นหยุด

หลักการพื้นฐาน: The One More Principle

ความสำเร็จ = การทำปกติ + อีกหนึ่งสิ่ง (อย่างสม่ำเสมอ)
คนธรรมดา → หยุดเมื่อเหนื่อย
คนพิเศษ → ทำต่อเมื่อเหนื่อย

ประเด็นสำคัญ

1. การเปลี่ยนมาตรฐานของตัวเอง

การยกระดับความคาดหวัง

สิ่งที่กำหนดชีวิตเรา:

  • มาตรฐานที่เราตั้งไว้ คือสิ่งที่เราได้รับ
  • การยอมรับความ “พอดี” คือการจำกัดศักยภาพของตัวเอง
  • การเปลี่ยนมาตรฐานจะเปลี่ยนชีวิต

เทคนิคการยกระดับมาตรฐาน:

  1. ระบุมาตรฐานปัจจุบัน: ดูว่าเราคาดหวังอะไรจากตัวเอง
  2. เพิ่มขึ้น 10-20%: ยกระดับทีละนิดแต่อย่างต่อเนื่อง
  3. ทำให้เป็นนิสัย: ฝึกจนกว่ามาตรฐานใหม่จะกลายเป็นธรรมชาติ
  4. ปรับขึ้นอีก: เมื่อคุ้นแล้วให้เพิ่มอีก

2. การจัดการเวลาแบบ “6 วัน”

แนวคิด Time and Temperature

แทนที่จะคิดเป็น 24 ชั่วโมง:

  • แบ่งวันเป็น 6 ช่วงๆ ละ 4 ชั่วโมง
  • แต่ละช่วงเป็น “วัน” ใหม่
  • สร้าง “Temperature” หรือความเข้มข้นในแต่ละช่วง

ประโยชน์ของการคิดแบบนี้:

  • มีโอกาส “เริ่มใหม่” ถึง 6 ครั้งต่อวัน
  • ลดความรู้สึกท้อใจเมื่อช่วงใดช่วงหนึ่งไม่ไปตามแผน
  • เพิ่มความรู้สึกว่ามีเวลามากขึ้น

ตัวอย่างการแบ่งช่วงเวลา:

  • ช่วงที่ 1 (6:00-10:00): Morning routine และการออกกำลังกาย
  • ช่วงที่ 2 (10:00-14:00): งานสำคัญที่ต้องใช้สมาธิ
  • ช่วงที่ 3 (14:00-18:00): ประชุมและงานที่ต้องพบคน
  • ช่วงที่ 4 (18:00-22:00): เวลาครอบครัวและพักผ่อน
  • ช่วงที่ 5 (22:00-02:00): การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
  • ช่วงที่ 6 (02:00-06:00): การพักผ่อนและนอนหลับ

3. การสร้าง “One More” ในทุกด้านของชีวิต

One More ในการทำงาน

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้:

  • One more call: โทรหาลูกค้าเพิ่มอีก 1 ราย
  • One more email: ส่งอีเมลติดตามเพิ่มอีก 1 ฉบับ
  • One more idea: คิดแนวคิดใหม่เพิ่มอีก 1 ความคิด
  • One more hour: ทำงานเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงเมื่อจำเป็น

One More ในสุขภาพ

การปรับใช้ในการออกกำลังกาย:

  • วิ่งเพิ่มอีก 5 นาทีเมื่อคิดว่าเหนื่อย
  • ทำ Push-up เพิ่มอีก 5 ครั้ง
  • ออกกำลังกายเพิ่มอีก 1 วันในสัปดาห์
  • ดื่มน้ำเพิ่มอีก 1 แก้วต่อวัน

One More ในความสัมพันธ์

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี:

  • โทรหาเพื่อนเก่าเพิ่มอีก 1 คน
  • พูดคำชมเชยคนในครอบครัวเพิ่มอีก 1 ครั้ง
  • จดจำรายละเอียดเกี่ยวกับคนอื่นเพิ่มอีก 1 เรื่อง
  • แสดงความขอบคุณเพิ่มอีก 1 ครั้งต่อวัน

4. การเปลี่ยนความเชื่อและ Identity

การสร้าง Identity ใหม่

กระบวนการเปลี่ยนแปลง:

  1. ความเชื่อเดิม: “ฉันเป็นคนไม่มีวินัย”
  2. การกระทำใหม่: ทำสิ่งที่ต้องใช้วินัยเพิ่มขึ้น
  3. หลักฐานสะสม: เห็นผลลัพธ์จากการมีวินัย
  4. ความเชื่อใหม่: “ฉันเป็นคนมีวินัย”

เทคนิค Identity Shifting:

  • เริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ
  • สังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลง
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ
  • พูดกับตัวเองด้วยภาษาที่สะท้อน Identity ใหม่

การประยุกต์ใช้ในบริบทไทย

ในการทำงานและธุรกิจ

การปรับใช้ในองค์กรไทย

วัฒนธรรมการทำงานไทย + One More:

  • ทำงานเสร็จแล้วช่วยเพื่อนร่วมงานต่ออีกนิด
  • เตรียมงานพรุ่งนี้ไว้ล่วงหน้าเพิ่มอีกหน่อย
  • เรียนรู้ทักษะใหม่เพิ่มอีกวันละ 30 นาที
  • ดูแลลูกค้าเกินความคาดหวังเล็กน้อย

ในการขายและบริการ

การสร้างความแตกต่าง:

  • ติดตามลูกค้าเพิ่มอีก 1 ครั้งหลังขาย
  • ให้คำแนะนำเพิ่มเติมที่ลูกค้าไม่ได้ขอ
  • จดจำรายละเอียดส่วนตัวของลูกค้า
  • ส่งของขวัญเล็กๆ ในวันสำคัญ

ในการพัฒนาตนเอง

การเรียนรู้และการอ่าน

One More ในการเรียนรู้:

  • อ่านหนังสือเพิ่มอีก 10 หน้าต่อวัน
  • ฟัง Podcast เพิ่มอีก 15 นาทีระหว่างเดินทาง
  • จดบันทึกความรู้ใหม่เพิ่มอีก 1 เรื่องต่อวัน
  • แชร์ความรู้ให้คนอื่นเพิ่มอีก 1 ครั้งต่อสัปดาห์

ตัวอย่างการปฏิบัติประจำวัน

Morning Routine แบบ One More

กิจวัตรเช้าที่เพิ่มประสิทธิภาพ:

  1. ตื่นเร็วกว่าปกติ 15 นาที
  2. ดื่มน้ำเพิ่มอีก 1 แก้วทันทีที่ตื่น
  3. ใช้เวลาอ่านหนังสือเพิ่ม 10 นาที
  4. เขียน Gratitude Journal เพิ่ม 1 เรื่อง
  5. วางแผนวันเพิ่มละเอียดขึ้น 5 นาที

เทคนิคขั้นสูง

1. การใช้ “Maximum vs. Optimal”

การหาสมดุลที่เหมาะสม

ความแตกต่าง:

  • Maximum: ทำให้มากที่สุด แต่ไม่ยั่งยืน
  • Optimal: หาจุดที่ดีที่สุดที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง

การประยุกต์ใช้:

  • ออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ (Optimal) ดีกว่า 7 วันแต่ไม่สม่ำเสมอ (Maximum)
  • ทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวันอย่างมีประสิทธิภาพ ดีกว่า 16 ชั่วโมงแต่เหนื่อยล้า

2. การสร้าง One More Environment

การจัดสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน

ในที่ทำงาน:

  • วางของเครื่องเขียนเพิ่มไว้บนโต๊ะ
  • เก็บหนังสือที่ต้องการอ่านไว้ในที่เห็นง่าย
  • ตั้งการแจ้งเตือนให้ทำสิ่งที่ต้องการเพิ่ม

ในบ้าน:

  • วางอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ในที่เห็นง่าย
  • เตรียมผลไม้ไว้กินแทนขนม
  • วางหนังสือไว้ข้างเตียงแทนโทรศัพท์

3. การสร้าง One More Habits

การสร้างนิสัยที่สนับสนุน One More

Habit Stacking:

  • หลังจากกินข้าวเสร็จ → อ่านหนังสือ 10 หน้า
  • หลังจากออกจากรถ → เดิน 100 ก้าวเพิ่ม
  • หลังจากอาบน้ำ → เขียน Gratitude Journal

การจัดการกับความท้าทาย

เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า

เทคนิคการผลักดันตัวเอง

การจัดการกับความต้านทาน:

  1. ยอมรับความรู้สึก: “ฉันรู้สึกเหนื่อย และนั่นเป็นเรื่องปกติ”
  2. เลือกการกระทำ: “แต่ฉันจะเลือกทำอีกนิดหนึ่ง”
  3. เริ่มจากสิ่งเล็ก: ทำเพียง 1% เพิ่ม
  4. สร้างความภูมิใจ: เฉลิมฉลองที่ทำได้

เมื่อไม่เห็นผลลัพธ์

การรักษาแรงจูงใจ

กลยุทธ์สำคัญ:

  • จดบันทึกความก้าวหน้า: แม้เล็กน้อย
  • เปลี่ยนมุมมอง: มองว่าเป็นการลงทุนในอนาคต
  • หาพันธมิตร: ร่วมมือกับคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน
  • ปรับระยะเวลา: ให้เวลาตัวเองมากขึ้น

เคสศึกษาและตัวอย่างจริง

การใช้ One More ในการขาย

เรื่องราวจาก Ed:

  • เมื่อคนอื่นโทรหาลูกค้า 50 ราย เขาโทร 51 ราย
  • เมื่อคนอื่นหยุดที่ไม่สนใจ เขาติดตามอีกครั้ง
  • เมื่อคนอื่นให้บริการพื้นฐาน เขาเพิ่มบริการพิเศษ

ผลลัพธ์:

  • กลายเป็นนักขายอันดับต้นๆ ของบริษัท
  • สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์
  • มีลูกค้าที่ภักดีและแนะนำต่อ

การใช้ One More ในการออกกำลังกาย

การเปลี่ยนแปลงจากคนไม่ชอบออกกำลังกาย:

  1. เริ่มจากเดิน 10 นาที → เพิ่มเป็น 11 นาที
  2. จากเดิน → เพิ่มเป็นวิ่งเบาๆ 2 นาที
  3. จาก 3 วันต่อสัปดาห์ → เพิ่มเป็น 4 วัน
  4. ปีเดียวกลายเป็นคนรักการออกกำลังกาย

หลักการสำคัญจากหนังสือ

1. Your Standards Determine Your Life

“มาตรฐานของคุณกำหนดชีวิตของคุณ”

  • สิ่งที่เราคาดหวังจากตัวเองคือสิ่งที่เราจะได้รับ
  • การยกระดับมาตรฐานจะยกระดับชีวิต
  • การยอมรับความ “พอดี” คือการจำกัดตัวเอง

2. The Power of One More Action

“พลังของการกระทำเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง”

  • ความสำเร็จมาจากการทำเล็กๆ น้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • การทำ “อีกหนึ่งสิ่ง” เมื่อคนอื่นหยุดคือความแตกต่าง
  • ความพยายามสะสมสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่

3. Time and Temperature Management

“การจัดการเวลาและพลังงานอย่างชาญฉลาด”

  • การแบ่งวันเป็นหลายช่วงเพิ่มโอกาสในการเริ่มใหม่
  • การสร้าง “Temperature” หรือความเข้มข้นในแต่ละช่วง
  • การรีเซ็ตตัวเองบ่อยๆ ป้องกันการท้อใจ

4. Identity and Belief Change

“การเปลี่ยนแปลงตัวตนและความเชื่อ”

  • การเปลี่ยนพฤติกรรมจะเปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับตัวเอง
  • Identity ใหม่จะสร้างผลลัพธ์ใหม่
  • เราเป็นตัวกำหนดตัวตนของเราเอง

การวัดผลและการติดตาม

ตัวชี้วัดความสำเร็จ

การวัด One More ในแต่ละด้าน:

  • งาน: จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น, คุณภาพงานที่ดีขึ้น
  • สุขภาพ: วันที่ออกกำลังกาย, ระยะทางที่เพิ่มขึ้น
  • การเรียนรู้: หน้าหนังสือที่อ่าน, ทักษะใหม่ที่เรียนรู้
  • ความสัมพันธ์: ความถี่ในการติดต่อ, คุณภาพของการใช้เวลาร่วมกัน

เครื่องมือการติดตาม

วิธีการบันทึก:

  • ใช้ Journal หรือ Apps บันทึก
  • สร้าง Checklist รายวัน
  • ใช้ Calendar ทำเครื่องหมาย
  • ถ่ายรูปหรือสร้าง Visual Progress

บทสรุป

“The Power of One More” เป็นหนังสือที่แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่มาจากการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ การทำ “อีกหนึ่งสิ่ง” เมื่อคนอื่นหยุดคือสิ่งที่สร้างความแตกต่าง

Key Takeaway ที่สำคัญที่สุด: “ความสำเร็จไม่ได้อยู่ในการทำสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ แต่อยู่ในการทำสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอ”

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ:

  • คนที่รู้สึกติดอยู่และต้องการความเปลี่ยนแปลง
  • ผู้ที่มีเป้าหมายแต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์
  • นักกีฬาหรือคนที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่ต้องการสร้างนิสัยใหม่และเลิกนิสัยเก่า

หลักการสำคัญที่ได้จากหนังสือ:

  1. ยกระดับมาตรฐาน - การเปลี่ยนความคาดหวังต่อตัวเอง
  2. ทำ One More - การเพิ่มความพยายามเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง
  3. จัดการเวลา 6 ช่วง - การแบ่งวันเพื่อเพิ่มโอกาสเริ่มใหม่
  4. เปลี่ยน Identity - การสร้างตัวตนใหม่ด้วยการกระทำ

“คุณห่างจากชีวิตที่คุณต้องการเพียง ‘อีกหนึ่งสิ่ง’ เท่านั้น - คำถามคือคุณจะเลือกทำหรือไม่?” - Ed Mylett