Good Boundaries and Goodbyes

โดย: Lysa Terkeurst

Good Boundaries and Goodbyes: ศิลปะแห่งการรักโดยมีขอบเขต

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Lysa TerKeurst นักเขียนขายดีและประธาน Proverbs 31 Ministries ที่แบ่งปันประสบการณ์จากการต่อสู้กับความสัมพันธ์ที่ทำลายล้าง และการเรียนรู้ที่จะตั้ง boundaries ที่ดีเพื่อปกป้องหัวใจและจิตวิญญาณของตนเอง

หนังสือเล่มนี้คืออะไร

“Good Boundaries and Goodbyes” เป็นหนังสือที่ท้าทายความเชื่อผิดๆ ที่ว่าการรักคนอื่นหมายถึงการยอมทนทุกสิ่งทุกอย่างไปเรื่อยๆ โดยเสนอว่าการตั้ง boundaries ที่ดีไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการแสดงความรักที่แท้จริงทั้งต่อตัวเองและคนอื่น

แนวคิดหลัก: Boundaries ที่ดีช่วยให้เรารักได้ยาวนานและยั่งยืน โดยไม่สูญเสียตัวตนและคุณค่าของตัวเอง

การเข้าใจ Boundaries

Boundaries คืออะไร

นิยาม:

  • Boundaries คือเส้นแบ่งที่แสดงให้คนอื่นรู้ว่าอะไรที่เราพอใจและไม่พอใจ
  • เป็นการกำหนดขอบเขตของความรับผิดชอบของตัวเอง
  • เป็นวิธีปกป้องหัวใจ จิตใจ และพลังงานของเรา

Boundaries ไม่ใช่:

  • การเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไม่แยแส
  • การสร้างกำแพงหรือปฏิเสธคนอื่น
  • การควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงคนอื่น
  • การหนีจากปัญหาหรือความขัดแย้ง

Boundaries คือ:

  • การรักตัวเองและคนอื่นอย่างฉลาด
  • การปกป้องความสัมพันธ์ที่ดีจากการถูกทำลาย
  • การสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเติบโต
  • การแสดงความเคารพต่อตัวเองและคนอื่น

สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องการ Boundaries

ด้านอารมณ์:

  • รู้สึกหมดพลังหรือ Burnout บ่อยๆ
  • รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดกับคนใกล้ชิด
  • รู้สึกผิดหรือวิตกกังวลเมื่อพูด “ไม่”
  • รู้สึกเหมือนสูญเสียตัวตนในความสัมพันธ์

ด้านพฤติกรรม:

  • ทำสิ่งที่ไม่ต้องการทำเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
  • รับผิดชอบปัญหาหรืออารมณ์ของคนอื่น
  • ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือความต้องการจริงๆ
  • ยอมให้คนอื่นใช้หรือควบคุมตัวเอง

ด้านความสัมพันธ์:

  • ความสัมพันธ์แบบ One-sided (ให้มากกว่าได้)
  • รู้สึกกลัวหรือระวังคนที่ใกล้ชิด
  • ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งหรือความตึงเครียด
  • รู้สึกเหงาแม้จะอยู่ใกล้คนอื่น

ประเภทของ Boundaries

Physical Boundaries

เกี่ยวกับร่างกาย:

  • การสัมผัสที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม
  • พื้นที่ส่วนตัวและข้าวของ
  • การปกป้องตัวเองจากความรุนแรงทางกาย

ตัวอย่าง:

  • “ฉันไม่สบายใจกับการกอดหรือจูบ กรุณาเคารพพื้นที่ส่วนตัวของฉัน”
  • “โปรดเคาะประตูก่อนเข้าห้องของฉัน”
  • “ฉันต้องการให้คืนของที่ยืมไปภายในสัปดาห์นี้”

Emotional Boundaries

เกี่ยวกับอารมณ์:

  • การไม่รับผิดชอบอารมณ์ของคนอื่น
  • การปกป้องตัวเองจากการถูกทำร้ายทางอารมณ์
  • การรักษาความเป็นตัวของตัวเองในความสัมพันธ์

ตัวอย่าง:

  • “ฉันเข้าใจว่าคุณโกรธ แต่ฉันไม่ใช่สาเหตุของความโกรธนั้น”
  • “ฉันไม่สามารถแก้ไขความรู้สึกของคุณได้ คุณต้องจัดการเอง”
  • “การที่คุณพูดแบบนั้น ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี ขอให้เปลี่ยนวิธีพูด”

Mental Boundaries

เกี่ยวกับความคิด:

  • การมีความคิดเห็นของตัวเอง
  • การไม่ยอมให้คนอื่นควบคุมความคิดหรือการตัดสินใจ
  • การปกป้องค่านิยมและความเชื่อของตัวเอง

ตัวอย่าง:

  • “ฉันเคารพความคิดของคุณ แต่ฉันคิดต่างออกไป”
  • “ฉันต้องการเวลาในการคิดก่อนตัดสินใจ”
  • “การตัดสินใจนี้เป็นของฉัน ฉันจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง”

Spiritual Boundaries

เกี่ยวกับจิตวิญญาณ:

  • การปกป้องความเชื่อและค่านิยมทางจิตวิญญาณ
  • การไม่ยอมให้คนอื่นบังคับหรือจัดการชีวิตฝ่ายวิญญาณ
  • การรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าตามวิธีของตัวเอง

Time และ Energy Boundaries

เกี่ยวกับเวลาและพลังงาน:

  • การจัดการเวลาอย่างมีสติ
  • การพูด “ไม่” กับสิ่งที่ไม่สำคัญ
  • การสงวนพลังงานสำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ

ตัวอย่าง:

  • “ฉันมีเวลาให้ได้แค่ 30 นาที”
  • “วันนี้ฉันหมดพลังแล้ว เราคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า”
  • “ฉันไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้ ฉันมีความรับผิดชอบอื่นๆ”

การตั้ง Boundaries ที่ดี

หลักการพื้นฐาน

1. รู้จักตัวเอง:

  • เข้าใจความต้องการและขีดจำกัดของตัวเอง
  • รู้ค่านิยมและสิ่งที่สำคัญที่สุด
  • สังเกตอารมณ์และปฏิกิริยาของตัวเองต่อสถานการณ์ต่างๆ

2. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ:

  • ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในคราวเดียว
  • เริ่มจากสถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อนมาก
  • สร้างความมั่นใจผ่านความสำเร็จเล็กๆ

3. ความชัดเจนและความคงเส้นคงวา:

  • สื่อสาร boundaries อย่างชัดเจนและสุภาพ
  • ทำตามสิ่งที่พูดไว้
  • ไม่เปลี่ยนแปลงหรือยอมประนีประนอมง่ายๆ

ขั้นตอนการตั้ง Boundaries

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินสถานการณ์

  • ระบุปัญหาหรือสถานการณ์ที่ต้องการ boundaries
  • วิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นและส่งผลกระทบอย่างไร
  • พิจารณาว่า boundaries แบบไหนที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมตัว

  • เตรียมคำพูดที่จะใช้
  • คาดการณ์ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้น
  • เตรียมใจให้มั่นคงและแน่วแน่

ขั้นตอนที่ 3: การสื่อสาร

  • พูดด้วยความสงบและชัดเจน
  • ใช้ “ฉัน” statement แทน “คุณ” statement
  • อธิบายเหตุผลโดยย่อ ไม่ต้องขออภัยมากเกินไป

ขั้นตอนที่ 4: การดำเนินตาม

  • ทำตามสิ่งที่บอกไว้
  • ไม่ยอมประนีประนอมเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
  • เสริมแรง boundaries เมื่อถูกทดสอบ

การจัดการกับปฏิกิริยาของคนอื่น

ปฏิกิริยาที่พบบ่อย

1. ความโกรธและการต่อต้าน:

  • คนที่เคยได้ประโยชน์จากการไม่มี boundaries อาจโกรธ
  • อาจพยายามทำให้รู้สึกผิดหรือเห็นแก่ตัว
  • อาจใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้ยกเลิก boundaries

2. การทดสอบ:

  • ลองดูว่าเรามั่นคงกับ boundaries หรือไม่
  • ค่อยๆ ล่วงล้ำเพื่อดูว่าเราจะยอมหรือไม่
  • ใช้ความรู้สึกผิดหรือข้ออ้างต่างๆ

3. การถอยห่าง:

  • บางคนอาจเลือกที่จะถอยห่างออกไป
  • อาจไม่เข้าใจหรือไม่เคารพ boundaries
  • บางความสัมพันธ์อาจจบลงเพราะเรื่องนี้

วิธีจัดการ

1. คงความมั่นคง:

  • ไม่เปลี่ยนใจเพราะปฏิกิริยาของคนอื่น
  • จำไว้ว่า boundaries นี้เพื่อสิ่งดีงาม
  • ไม่ต้องอธิบายหรือขออภัยซ้ำไปซ้ำมา

2. การให้ความเข้าใจ:

  • อธิบายว่า boundaries นี้เพื่อปกป้องความสัมพันธ์
  • แสดงให้เห็นว่ายังรักและใส่ใจคนนั้น
  • ให้เวลาคนอื่นปรับตัว

3. การดูแลตัวเอง:

  • หา support system ที่เข้าใจ
  • ดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง
  • เตือนตัวเองถึงเหตุผลที่ตั้ง boundaries

การพูด “ไม่” อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของคำว่า “ไม่”

เหตุผลที่พูด “ไม่” ยาก:

  • กลัวทำให้คนอื่นผิดหวังหรือเสียใจ
  • ต้องการให้คนอื่นชอบและยอมรับ
  • รู้สึกผิดหรือเห็นแก่ตัว
  • กลัวความขัดแย้งหรือการปฏิเสธ

ประโยชน์ของการพูด “ไม่”:

  • สร้างพื้นที่สำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
  • ปกป้องพลังงานและเวลา
  • แสดงความเคารพต่อตัวเอง
  • สร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงและยั่งยืน

วิธีพูด “ไม่” อย่างสุภาพแต่แน่วแน่

Template สำหรับการพูด “ไม่”:

  1. ขอบคุณ + ไม่ + สั้นๆ: “ขอบคุณที่นึกถึง แต่ฉันทำไม่ได้”

  2. ให้เหตุผลสั้นๆ + ไม่: “ช่วงนี้ฉันมีภาระงานเยอะ ขอโทษที่ช่วยไม่ได้”

  3. เสนอทางเลือกอื่น: “ฉันไปไม่ได้ แต่ลองถาม [ชื่อคน] ดูนะ”

  4. ตั้งขอบเขต: “ฉันช่วยได้ แต่แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น”

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • อธิบายเหตุผลยาวๆ หรือขออภัยมากเกินไป
  • ใช้ข้อแก้ตัวหรือโกหก
  • พูด “อาจจะ” หรือ “ไว้ดูก่อน” เมื่อแท้จริงคือ “ไม่”
  • รู้สึกผิดหรือพยายามชดเชยด้วยวิธีอื่น

การจัดการกับความสัมพันธ์ที่ Toxic

สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ Toxic

พฤติกรรม Toxic ที่พบบ่อย:

  1. Manipulation:

    • ใช้ความรู้สึกผิดหรือความกลัวควบคุม
    • บิดเบือนความจริงหรือ Gaslighting
    • ใช้น้ำตาหรือความโกรธเป็นเครื่องมือ
  2. Control:

    • พยายามควบคุมการกระทำหรือการตัดสินใจ
    • ไม่เคารพความเป็นปัจเจกบุคคล
    • มองเราเป็นของที่เป็นเจ้าของได้
  3. Abuse:

    • ทำร้ายทางร่างกาย อารมณ์ หรือจิตใจ
    • ใช้คำพูดดูหมิ่นหรือทำลาย
    • สร้างความกลัวหรือความไม่ปลอดภัย
  4. Disrespect:

    • ไม่เคารพ boundaries ที่ตั้งไว้
    • ไม่ฟังหรือไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก
    • ทำสิ่งที่รู้ว่าจะทำให้เราเสียใจ

การจัดการกับ Toxic People

1. การรู้จำและยอมรับ:

  • ยอมรับว่าคนนี้ทำร้ายเรา
  • ไม่หาข้อแก้ตัวให้พฤติกรรม Toxic
  • เข้าใจว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้

2. การตั้ง Boundaries ที่แข็งแกร่ง:

  • กำหนดชัดเจนว่าจะยอมรับพฤติกรรมแบบไหนและไม่ยอมรับแบบไหน
  • สื่อสารอย่างชัดเจนและปฏิบัติตาม
  • เตรียมพร้อมสำหรับผลที่ตามมา

3. การลด Contact:

  • ลดเวลาที่อยู่กับคนนั้น
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจมีปัญหา
  • สร้างระบบ Support สำหรับตัวเอง

4. การบอกลาเมื่อจำเป็น:

  • บางความสัมพันธ์อาจต้องจบลง
  • การบอกลาไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นความกล้าหาญ
  • ใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก

การดูแลตัวเองในกระบวนการตั้ง Boundaries

การจัดการกับความรู้สึกผิด

ความรู้สึกผิดที่พบบ่อย:

  • รู้สึกเห็นแก่ตัวเมื่อปฏิเสธการช่วยเหลือ
  • รู้สึกผิดที่ทำให้คนอื่นผิดหวัง
  • รู้สึกว่าเป็นคนไม่ดีเมื่อตั้ง boundaries

วิธีจัดการ:

  • เตือนตัวเองว่า boundaries เป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น
  • จำไว้ว่าเราไม่รับผิดชอบความสุขของคนอื่นคนเดียว
  • มองว่าเป็นการลงทุนในความสัมพันธ์ระยะยาว

การสร้าง Support System

ความสำคัญของ Support:

  • มีคนเข้าใจและให้กำลังใจ
  • ได้คำปรึกษาเมื่อมีปัญหา
  • มีแหล่งพลังงานบวกเพื่อความมั่นคง

วิธีสร้าง Support System:

  • หาเพื่อนหรือครอบครัวที่เข้าใจ
  • เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่มีแนวคิดเดียวกัน
  • พิจารณาการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

การดูแลสุขภาพจิต

การฝึก Self-compassion:

  • ใจดีกับตัวเองเมื่อทำผิดพลาด
  • ให้อภัยตัวเองสำหรับอดีตที่ไม่มี boundaries
  • เข้าใจว่าการเรียนรู้ต้องใช้เวลา

การสร้างพลังงานบวก:

  • ทำกิจกรรมที่ชอบและให้พลังงาน
  • ใช้เวลากับคนที่สร้างแรงบันดาลใจ
  • ดูแลสุขภาพกายและใจ

การประยุกต์ใช้ในบริบทไทย

ความท้าทายเฉพาะในวัฒนธรรมไทย

วัฒนธรรม “เกรงใจ”:

  • การไม่อยากทำให้คนอื่นลำบากใจ
  • การยอมเสียสละเพื่อความสงบสุข
  • การหลีกเลี่ยงการขัดแย้งโดยตรง

ระบบครอบครัวขยาย:

  • ความรับผิดชอบต่อผู้ใหญ่และญาติ
  • การคาดหวังในการช่วยเหลือเชิงเศรษฐกิจ
  • การแทรกแซงในเรื่องส่วนตัว

ความคาดหวังทางสังคม:

  • บทบาทของผู้หญิงในการดูแลครอบครัว
  • แรงกดดันในการแต่งงานและมีลูก
  • การรักษาหน้าตาและสถานะทางสังคม

การปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทไทย

การสื่อสาร Boundaries แบบไทย:

  1. ใช้ภาษาที่สุภาพและนุ่มนวล:

    • “ขอโทษค่ะ ช่วงนี้พี่มีเรื่องเยอะ ไม่สะดวกจริงๆ”
    • “น้องอยากช่วย แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่อำนวย”
  2. ใช้ตัวกลางหรือบุคคลที่สาม:

    • ขอให้คนที่ใกล้ชิดช่วยสื่อสาร
    • ใช้ผู้ใหญ่ที่เคารพในการไกล่เกลี่ย
  3. ใช้วิธีทางอ้อม:

    • สร้างสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรง
    • ค่อยๆ ลดการมีส่วนร่วมแทนการปฏิเสธทันที

การตั้ง Boundaries ในครอบครัวไทย:

  1. กับผู้ใหญ่:

    • ใช้ความเคารพแต่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
    • เสนอทางเลือกหรือการประนีประนอม
    • ขออนุญาตมากกว่าการบอกกล่าว
  2. กับคู่สมรส:

    • สื่อสารในช่วงที่เป็นส่วนตัวและสงบ
    • ใช้แนวคิด “เราทั้งคู่” มากกว่า “ฉันกับคุณ”
    • เน้นประโยชน์ของครอบครัว
  3. กับลูก:

    • สอนด้วยการเป็นแบบอย่าง
    • อธิบายเหตุผลและให้โอกาสเข้าใจ
    • ใช้วิธีที่เหมาะกับวัย

กรณีศึกษาและตัวอย่าง

กรณีที่ 1: การตั้ง Boundaries กับเพื่อนสนิท

สถานการณ์: เพื่อนสนิทที่มักโทรมาระบายเรื่องเศร้าๆ ดึกๆ และคาดหวังให้รับฟังทุกครั้ง ทำให้เราเหนื่อยล้าและนอนไม่หลับ

การแก้ไข:

  • “ฉันแคร์เธอมากนะ แต่ฉันต้องการพักผ่อนหลัง 10 โมงแล้ว”
  • “เราคุยกันตอนเช้าดีกว่า ตอนนั้นฉันจะแสนดีให้ฟังได้”
  • ปิดเสียงโทรศัพท์หลัง 10 โมง และยึดมั่นในการตัดสินใจนี้

กรณีที่ 2: การจัดการกับผู้ปกครองที่แทรกแซง

สถานการณ์: แม่ที่ชอบแสดงความคิดเห็นเรื่องการเลี้ยงลูก การใช้เงิน และการตัดสินใจต่างๆ ทำให้รู้สึกถูกควบคุมและเครียด

การแก้ไข:

  • “แม่ครับ ผมเข้าใจว่าแม่เป็นห่วง แต่เรื่องนี้ผมอยากลองทำดูเอง”
  • “ขอบคุณแม่สำหรับคำแนะนำ ผมจะนำไปพิจารณา”
  • เมื่อถูกกดดัน ให้เวลาตัวเองคิด: “ผมขอเวลาคิดก่อน จะตอบแม่ใหม่”

กรณีที่ 3: การจัดการกับเจ้านายที่เรียกร้องมากเกินไป

สถานการณ์: เจ้านายที่มอบหมายงานนอกเวลาบ่อยๆ คาดหวังให้ตอบข้อความทันที และไม่เคารพเวลาส่วนตัว

การแก้ไข:

  • กำหนด Communication Hours ที่ชัดเจน
  • “ผมจะตอบ Email ภายใน 24 ชั่วโมงในวันทำการครับ”
  • เมื่อได้งานใหม่: “งานนี้ต้องการเวลา X วัน หากต้องการเร็วกว่านี้ งานไหนที่จะเลื่อนออกไปครับ?”

สร้างชีวิตที่มี Boundaries ที่ดี

การวางแผนและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การประเมินความสัมพันธ์ปัจจุบัน:

  • ความสัมพันธ์ไหนที่ให้พลังงาน ความสัมพันธ์ไหนที่ดูดพลังงาน?
  • เราให้และได้รับในสัดส่วนที่เท่าเทียมกันหรือไม่?
  • ความสัมพันธ์ไหนที่ต้องการ Boundaries เพิ่มเติม?

การตั้งเป้าหมายสำหรับ Boundaries:

  • Boundaries อะไรที่ต้องการสร้างใหม่?
  • Boundaries ปัจจุบันตัวไหนที่ต้องเสริมความแข็งแกร่ง?
  • จะวัดความสำเร็จได้อย่างไร?

การสร้างชีวิตที่สมดุล

การจัดการเวลาและพลังงาน:

  • จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมและความสัมพันธ์
  • สงวนเวลาสำหรับการดูแลตัวเองและการพักผ่อน
  • สร้างพิธีกรรมและกิจวัตรที่เติมพลังงาน

การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน:

  • ล้อมตัวเองด้วยคนที่เคารพ Boundaries
  • สร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยและสงบสุข
  • ลดหรือกำจัดสิ่งที่สร้างความเครียด

บทสรุป

“Good Boundaries and Goodbyes” เป็นหนังสือที่เปลี่ยนมุมมองเรื่องความรักจาก “การยอมทนทุกอย่าง” เป็น “การรักอย่างฉลาดและยั่งยืน” การตั้ง Boundaries ที่ดีไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการดูแลตัวเองเพื่อให้สามารถรักคนอื่นได้นานและดีขึ้น

Key Takeaway ที่สำคัญที่สุด: “Boundaries ที่ดีไม่ได้แยกเราออกจากคนอื่น แต่ช่วยให้เราเชื่อมต่อกับคนอื่นได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน โดยไม่สูญเสียตัวตน”

หลักการสำคัญ:

  1. Self-awareness: รู้จักตัวเองและความต้องการ
  2. Clear Communication: สื่อสารอย่างชัดเจนและสุภาพ
  3. Consistency: ยืนหยัดในสิ่งที่ตั้งไว้
  4. Self-compassion: ใจดีกับตัวเองในกระบวนการเรียนรู้
  5. Values-based Living: ใช้ชีวิตตามค่านิยมที่แท้จริง

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ:

  • ทุกคนที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการให้โดยไม่ได้รับ
  • ผู้ที่ยากลำบากในการพูด “ไม่”
  • คนที่ต้องจัดการกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
  • ผู้ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

สำหรับผู้ที่จะนำไปใช้: จำไว้ว่าการตั้ง Boundaries เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่าคาดหวังว่าจะสมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มต้น ความอดทนและความเข้าใจตัวเองคือกุนแจสำคัญของความสำเร็จ

“Boundaries aren’t walls designed to keep people out; they’re gates with hinges and handles that allow safe and loving people in.” - แนวคิดหลักที่แสดงให้เห็นว่า Boundaries เป็นเครื่องมือของความรัก ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว