Clayton M. Christensen ผู้เขียนขายดีระดับโลก ร่วมกับ Taddy Hall, Karen Dillon, และ David S. Duncan นำเสนอ ทฤษฎี Jobs to Be Done ที่จะ เปลี่ยนนวัตกรรมจากเกมแห่งโชคชะตา ให้กลายเป็น กระบวนการที่คาดการณ์และควบคุมได้
การเปิดตัวและความสำคัญ
เผยแพร่ 2016 โดย Harper Collins
- ผลงานล่าสุด จากผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม
- การปฏิวัติความเข้าใจ เกี่ยวกับลูกค้า
- เครื่องมือเปลี่ยนเกม สำหรับการสร้างนวัตกรรม
แนวคิดหลัก: ทฤษฎี Jobs to Be Done
ข้อค้นพบที่สำคัญ
หลังจากปีของการวิจัย Christensen และทีมงานได้ข้อสรุป:
- “ความเข้าใจลูกค้าคือหัวใจของนวัตกรรม” เป็นความเข้าใจผิด
- ลูกค้าไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ แต่จ้างมันให้ทำงาน
- การเข้าใจ Job ที่แท้จริงคือกุญแจสู่นวัตกรรม
นิยามของ “งาน” (Job)
Job ถูกนิยามว่า:
- ความก้าวหน้าของบุคคลในสถานการณ์เฉพาะ
- ผู้คนไม่ต้องการผลิตภัณฑ์ แต่ต้องการความก้าวหน้าในชีวิต
- ไม่ต้องการสว่าน แต่ต้องการรูเจาะ 1/4 นิ้ว
โครงสร้าง 3 มิติของ Jobs
ความซับซ้อนของงาน
งาน (Job) มีความซับซ้อนใน 3 มิติ:
1. มิติการใช้งาน (Functional Dimensions)
- การทำหน้าที่พื้นฐาน ที่ต้องการ
- ปัญหาที่ต้องแก้ไข
- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
2. มิติทางอารมณ์ (Emotional Dimensions)
- ความรู้สึกที่เกิดขึ้น จากการใช้งาน
- ความพึงพอใจส่วนบุคคล
- ประสบการณ์ที่สร้างความผูกพัน
3. มิติทางสังคม (Social Dimensions)
- การรับรู้ของผู้อื่น
- สถานะทางสังคม
- การแสดงตัวตนผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์
การประยุกต์ใช้จริง
บริษัทที่ประสบความสำเร็จ
ทฤษฎี Jobs to Be Done ถูกใช้โดย:
- Amazon - การเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
- Intuit - การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์จริง
- Uber - การแก้ปัญหาการเดินทาง
- Airbnb - การตอบสนองความต้องการที่พัก
ตัวอย่างการศึกษา
หนังสือมีเรื่องราวและตัวอย่างที่หลากหลาย:
- Southern New Hampshire University - การปฏิรูปการศึกษา
- OnStar - การบริการในรถยนต์
- Depends - ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
- QuickBooks - ซอฟต์แวร์บัญชี
- IKEA - เฟอร์นิเจอร์และประสบการณ์
การเปลี่ยนแปลงมุมมอง
จากความเข้าใจเดิม
ความเชื่อเก่า:
- เน้นที่การแบ่งกลุ่มลูกค้า ตามลักษณะประชากร
- วิเคราะห์คุณสมบัติผลิตภัณฑ์
- เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
สู่ความเข้าใจใหม่
แนวคิดใหม่:
- เข้าใจบริบทของการใช้งาน
- มองหา Job ที่ลูกค้าต้องการให้ทำ
- สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ครบ 3 มิติ
ผลกระทบต่อการสร้างนวัตกรรม
การเปลี่ยนจากโชคให้เป็นวิทยาศาสตร์
- กระบวนการที่ทำซ้ำได้
- การคาดการณ์ความสำเร็จ
- การลดความเสี่ยงในการลงทุน
การสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า
เมื่อเข้าใจ Job ที่แท้จริง บริษัทสามารถ:
- สร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการจริง
- ตั้งราคาพรีเมียมได้
- สร้างความจงรักภักดี
การรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ
คำชมเชยด้านเนื้อหา
- “เต็มไปด้วยเรื่องราวคลาสสิกของความสำเร็จในนวัตกรรม”
- “ตัวอย่างที่หลากหลาย ที่ไม่เคยเห็นที่ไหน”
- “การเขียนที่ชัดเจน พร้อมตัวอย่างที่แจ่มแจ้ง”
การประยุกต์ใช้
- “เหมาะสำหรับนักพัฒนาผลิตภัณฑ์”
- “ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด”
- “ผู้อ่านหนังสือธุรกิจทั่วไป”
จุดแข็งในการนำเสนอ
- บทส่งท้ายที่มีประเด็นสำคัญ
- คำถามสำหรับผู้นำ
- เครื่องมือที่ใช้งานได้จริง
ข้อควรระวัง
ความลึกในรายละเอียด
นักวิจารณ์บางท่านชี้ให้เห็น:
- 100 หน้าแรกเต็มไปด้วยแนวคิดและเรื่องราว
- แต่ขาดรายละเอียดการนำไปปฏิบัติ
- ควรอ่านให้จบเพื่อเข้าใจเครื่องมือเชิงปฏิบัติ
การปฏิวัติคุณภาพในนวัตกรรม
เปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมรถยนต์
หนังสือเสนอวิธีการ:
- กู้คืนคำว่า “นวัตกรรม”
- เปลี่ยนให้เป็นกระบวนการที่ดำเนินการได้
- สร้างการปฏิวัติคุณภาพ เหมือนที่เกิดขึ้นในการผลิตรถยนต์
ผู้เขียนผู้เชี่ยวชาญ
Clayton M. Christensen
- ศาสตราจารย์ Harvard Business School
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน Disruptive Innovation
- นักเขียนหนังสือขายดี หลายเล่ม
ทีมงานผู้ร่วมเขียน
- Taddy Hall - ผู้เชี่ยวชาญด้าน Innovation Strategy
- Karen Dillon - อดีตบรรณาธิการ Harvard Business Review
- David S. Duncan - นักปฏิบัติด้าน Innovation
ความเหมาะสม
กลุ่มเป้าหมาย
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ:
- ผู้บริหารและผู้นำองค์กร
- นักพัฒนาผลิตภัณฑ์
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด
- ผู้ประกอบการและ Startup
- นักศึกษาด้านธุรกิจ
การประยุกต์ใช้
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
- การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม
- การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
- การเข้าใจลูกค้าในระดับลึก
การเปลี่ยนนวัตกรรมจากศิลปะเป็นวิทยาศาสตร์ - เมื่อเข้าใจ Job ที่แท้จริงของลูกค้า ความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา